กาแฟเม็ดมะขาม |
กาแฟเมล็ดมะขามก็มีความอร่อย ไม่มีคาเฟอีน แถมมีประโยชน์เพราะเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ แม้วันนี้การทดลองในคนยังไม่ดำเนินการว่าทำให้ภูมิต้านทานดีขึ้นหรือไม่ แต่จากการวิจัยต่าง ๆ สามารถรับประทานเป็นอาหารชนิดหนึ่ง เพราะไม่มีอันตรายอะไร ประเทศไทยยังมีพืชผักรสเปรี้ยว รสขม รสฝาด อีกมากนอกจากเมล็ดมะขามที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็งและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันต่อร่างกาย
สมัยก่อน การปลูกกาแฟในประเทศไทยยังไม่แพร่หลาย ชาวอีสานนิยมคั่วเมล็ดมะขาม และแกะเนื้อในกินเล่น ตำรายาไทยระบุว่าเป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือน แก้ท้องเสียและแก้คลื่นไส้ ต่อมามีผู้สังเกตว่ารสคล้ายกาแฟ จึงมีกาแฟเม็ดมะขามคั่วขาย ทั้งโอเลี้ยงและโอยัวะ บางครั้งผสมปนกับกาแฟจริง เพื่อลดต้นทุน เรียกว่ากาแฟโบราณ ถ้าจะมองเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคก็อาจได้ แต่ทราบไหมว่าเนื้อในเมล็ดมะขาม มีสารที่เป็นยาและเสริมให้คุณค่าของเครื่องดื่มชนิดนี้ดีขึ้น ทั้งทำให้บริโภคคาเฟอีนลดลงด้วย
จากรายงานวิจัยที่ตีพิมพ์ ในปี 2007 นักวิจัยเลือกใช้พาราเซตามอลซึ่งเป็นพิษต่อตับ ทดลองป้อนหนูทดลองขนาด 1 กรัมต่อ กก.น้ำหนักตัว ติดต่อกัน 7 วัน เพื่อทำลายเซลล์ตับหนู หลังจากวันที่ 3 เริ่มป้อนสารสกัดน้ำของเนื้อในเมล็ดมะขามขนาด 700 มก.ต่อ กก.น้ำหนักตัวหนู เป็นเวลา 9 วัน แล้วตรวจหาค่าเอนไซม์ที่ส่อถึงการอักเสบและการทำลายของเซลล์ตับ วัดน้ำหนักตับที่เหลือ และตัดชิ้นเนื้อตับไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ด้วย ผลระบุว่าสารสกัดเมล็ดมะขามที่ไม่คั่ว สามารถต้านความเป็นพิษของพาราเซตามอลต่อตับหนูทดลองได้ ทั้งยังกระตุ้นการสร้างเซลล์ตับขึ้นทดแทนส่วนที่เสียไป และมีฤทธิ์ปกป้องไตด้วย
เม็ดมะขามที่เอามาทำกาแฟ ซดโฮกๆ |
ส่วนเปลือกเมล็ดมะขาม มีส่วนประกอบเป็นแทนนินที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วย
สรุปได้ว่า กาแฟโบราณ ราคาถูกกว่าและมีคุณภาพล้นแก้ว
เรามารื้อฟื้นภูมิปัญญาไทยและชวนกันดื่มกาแฟเมล็ดมะขามกันดีไหม ท่านว่าให้ คั่วเม็ดมะขามในกระทะด้วยไฟอ่อน ๆ จนหอมและสุกดี แล้วเอามาแกะเปลือกออกแล้วโขลกให้เม็ดมันแตกออก หรือใช้เครื่องบดกาแฟต่อก็ได้ จากการวิจัยสารสำคัญสามารถละลายได้ดีในน้ำ จึงชงแบบกาแฟสดได้เลย